ซื้อรถต้องรู้! เลือกประกันรถยนต์แบบไหน ราคาเท่าไหร่จึงเหมาะกับเรา |
|
อ้างอิง
อ่าน 166 ครั้ง / ตอบ 0 ครั้ง
|
|
การซื้อรถสักคันนั้นมีหลายสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคา ยี่ห้อ รุ่น สี ต้องมีการพิจารณา คัดเลือกและเปรียบเทียบอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ เพราะเป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูง ถือเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่เมื่อซื้อแล้วก็ต้องการที่จะใช้ไปอีกหลายปี และด้วยความที่เป็นสิ่งของราคาแพง แน่นอนว่าเมื่อซื้อมาแล้วเราก็ต้องให้ความสำคัญกับการคุ้มครองดูแลรถยนต์ของเราด้วยเช่นกัน โดยการเลือกซื้อประกันรถให้เหมาะสม ซึ่งประกันรถยนต์นั้นก็มีหลากหลายราคาให้เลือกตามความต้องการของแต่ละบุคคล
ประกันรถในปัจจุบันนั้นมีหลัก ๆ ด้วยกัน 3 แบบ นั่นก็คือประกันรถชั้น 1 ชั้น 2 และชั้น 3 และเรายังอาจเห็นได้อีกว่ามีประกันรถยนต์แบบ 2+ และ 3+ จึงอาจทำให้หลายคนยังคงสับสนและไม่แน่ใจว่าควรเลือกซื้อประกันรถยนต์ในราคาเท่าไหร่ดีจึงจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากที่สุด วันนี้เราจึงจะพาทุกคนมาทำความเข้าใจความแตกต่างของประกันรถยนต์แต่ละแบบว่ามีจุดเด่นอย่างไร และเหมาะกับการใช้งานอย่างไร

ทำไมต้องทำประกันภัยรถยนต์?
โดยปกติแล้วเมื่อซื้อรถยนต์ เราจำเป็นต้องทำประกันภัย พ.ร.บ. หรือ ประกันภัยภาคบังคับ เพื่อเป็นหลักประกันว่ารถทุกคันจะได้รับสิทธิในการคุ้มครองและได้รับเงินค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ แต่ประกันภัยชนิดนี้จะคุ้มครองแค่เท่าที่กฏหมายกำหนดเท่านั้น ดังนั้นการทำประกันภัยรถยนต์ หรือ ประกันภัยภาคสมัครใจ ที่เจ้าของรถควรจะต้องซื้อเพิ่มเติมนั้นก็เป็นการทำเพื่อเพิ่มการคุ้มครองให้กับรถและตัวบุคคล และยังเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้มากมายในยามที่เกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งในรูปแบบบุคคลและทรัพย์สิน
ประกันภัยชั้น 1
ประกันรถยนต์แบบแรกมีราคาสูงที่สุด เพราะเป็นการคุ้มครองที่ครอบคลุมที่สุด สามารถคุ้มครองบุคคลที่อยู่ในรถ และคุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติเหตุทุกรูปแบบ รวมถึงอุบัติเหตุแบบที่ไม่มีคู่กรณี นั่นก็คือเวลาที่ขับรถไปเฉี่ยวชนสิ่งของต่าง ๆ จนตัวรถเกิดความเสียหาย ประกันชั้น 1 จะดูแลในส่วนนี้ด้วย ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่พึ่งซื้อรถคันแรก พึ่งออกรถใหม่ กังวลกับการขับขี่ไปเฉี่ยวชนสิ่งต่าง ๆ หรือต้องการความคุ้มครองให้กับรถมากเป็นพิเศษ ประกันชั้น 1 เหมาะกับคุณที่สุด
ประกันภัยชั้น 2 และ 2+
ประกันภัยชั้น 2 มีความคล้ายคลึงกับชั้น 1 ในหลายประการ แต่จะแตกต่างกับชั้น 1 ตรงที่จะคุ้มครองเฉพาะอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณีเท่านั้น ส่วนชั้น 2 ก็จะเป็นประกันรถยนต์ที่มีราคาเบาลงมาอีกนิด และคุ้มครองน้อยกว่า เช่น คุ้มครองตัวผู้ขับขี่เมื่อเกิดอุบัติเหตุแต่ไม่คุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติ กรณีที่คุณมีรถยนต์อายุเกิน 7 ปีขึ้นไป การเลือกทำประกันภัยชั้น 2 และ 2+ ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ประกันภัยชั้น 3 และ 3+
สำหรับประกันภัยชั้น 3 นั้นเรียกได้ว่าเป็นประกันรถยนต์ที่ราคาเบาที่สุด แต่ก็คุ้มครองน้อยลงมาตามลำดับด้วยเช่นกัน และจะมีเรื่องของวงเงินที่จำกัดมากขึ้น ประกันภัยชั้น 3+ ยังคงดูแลเมื่อรถเกิดอุบัติเหตุ แต่ชั้น 3 นั้นจะคุ้มครองเพียงแค่รถของคู่กรณี แต่ไม่ได้ดูแลครอบคลุมถึงรถยนต์ของเรา
ในปัจจุบันเองก็มีตัวแทนประกันภัยให้เลือกมากมายหลายเจ้า ซึ่งแต่ละเจ้าก็จะมีรายละเอียดของประกันภัยรถยนต์ในเรื่องราคาและวงเงินในการคุ้มครองที่แตกต่างกันไป ดังนั้นหากสนใจทำประกันภัยไม่ว่าชั้นใดก็ควรหาข้อมูลเพิ่มเติมจากตัวแทนที่สนใจอย่างละเอียด เพื่อเป็นประโยชน์สูงสุดในการดูแลรถคันสำคัญของเรา
|
|
ririhase
[49.228.202.xxx] เมื่อ 18/11/2021 16:05
|